วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

review เครื่องทำน้ำอุ่น SHARP รุ่น WH-HOT HOT ราคา 3090บาท

สวัสดี ครับ วันนี้ผมมีโอกาส รีวิว เครื่องทำน้ำอุ่น sharp รุ่น WH-HOT HOT
 ราคาณ.วันที่เขียนอยู่ที่3090บาท ครับ
ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ ล่าสุดพึ่งเปิดตัว แต่น้อยคน ที่จะรู้จัก
 จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ ขนาดกระทัดรัด ราคาไม่แพง ปลอดภัย สวยงาม ที่สำคัญ กำลังไฟ 4500W. เหมาะกับพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เรามาดูกันดีกว่าครับ ว่าน่าใช้แค่ไหน

 ก่อนอืีน ต้องออกตัวก่อนว่า การรีวิวครั้งนี้ บ. กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ตัวแทนจำหน่าย sharp ในประเทศไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไดๆทั้งสิ้น

หากผิดพลาด ขออภัยมา ณ. ที่นี้ครับ

 เจตนา ก็เพียง อยากนำเสนอให้ เพื่อนๆได้ตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น ได้ง่ายขึ้น ครับ เริ่มกันเลย ครับ

ภาพกล่องด้านหน้า บอกถึง ยี่ห้อ SHARP ชื่อรุ่น WH-HOT HOT ฝักบัวปรับได้ 3 ระดับ ผ่านมาตรฐาน มอก. ฉลากประหยัดไฟ เบอร์ 5 มีระบบตัดการทำงาน


ภาพกล่อง ด้านข้าง

ด้านหน้ากล่องจะมีใบรับประกันสินค้า 5 ปี ติดอยู่เห็นได้ชัด

ภายในกล่องจะมี หัวฝักบัว สายฝักบัว ขาแขวน น๊อต พุ๊ก คู่มือ

ตัวเครื่อง SHARP WH-HOT HOT

ฉลากประหยัดไฟเห็นได้ชัดเจน มั่นใจได้ว่า กินไฟน้อยกว่า


หน้ากากเครื่อง จะมีปุ่มทดสอบระบบตัดไฟฟ้า  มีการรับประกนหม้อต้ม 5  ปี



ภายใน เป็นระเบียบ เรียบร้อย


หม้อต้ม ทองแดง จากการสัมผัส เคาะฟังเสียง หนาใช้ได้ ปกติ  มีการ QC และระบบขนาดกำลังไฟ4500W.


ขดลวดทำความร้อน ใช้อินโครอย800ทนต่อการกัดกร่อน ได้ดีกว่า มาก ข้างๆจะเห็นระบบตัดการทำงาน ถ้าหากหม้อต้มทำงานร้อยเกิน85องศา หากตัวตัดการทำงานตัดไฟ จะต้องมากด รีเซ็ต บริเวณปุ่มตรงกลางตัวตัดไฟ

เบรคเกอร์ตัดการทำงานอัตโนมัติ หากเกิดไฟรั่ว ไฟช๊อ(ตัดได้รวดเร็วไม่ต่างกับแบบอิเล็กทรอนิตตัดไฟ)

ตัวตัดไฟจากน้ำ ทำงานตั้งแต่น้ำไหลเบาจนถึงไหลแรง ตัดหารทำงานถ้าน้ำไม่ไหลเข้าเครื่อง

สีดำๆใกล้ๆกับตัวตัดไฟจากน้ำเป็นตัวกรองน้ำไม่ให้สิ่งสกปรกไหลเขาเครื่อง

แสดงตำแหน่งการต่อสายดิน




ระดับการป้องกันนห้ำ ผ่านมาตรฐานIPX4 น้ำจะเข้าเครื่องได้ยากขึ้น


สรุปข้อดี
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ออกแบบให้สามารถทำความร้อนได้สูงเหมาะกับพื้นที่ทั่วไป จนถึงพื้นที่ที่หนาวเย็น
เรื่องความปลอดภัยถือว่า ปลอดภัยสูง มีทั้งระบบตัดการทำงานจากไฟรั่ว, จากอุณหภูมิสูงผิดปกติ และจากน้ำไม่ไหลเข้าเครื่อง ราคาไม่แพง ใช้ได้กับหม้อไฟที่มีขนาดอย่างน้อย 10A. ติดตั้งง่าย ฝักบัวปรับสายน้ำได้3แบบ
สรุปข้อด้อย
รุ่นนี้ ฉลากประหยัดไฟระบุว่า 4433.33W ข้างกล่องระบุ4500W  รุ่นนี้อุณหภูมิที่ได้ ไม่คงที่เนื่องจากไม่ใช่รุ่นอิเล็คทรอนิค ขณะใช้งานจะมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย 

สรุปสุดท้าย
เป็นอีกรุ่นที่น่าใช้ หากใครสนใจสามารถหาซท้อได้ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วไป แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ครับ

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รีวิว เครื่องทำน้ำอุ่น sharp รุ่น wh-245M ขนาด 4500W. ราคา 3890บาท


วันที่4/10/56 ผมขอรีวิวเครื่องทำน้ำอุ่น ให้เพื่อนๆที่สนใจได้ชมเพื่ออประกอบการตัดสินใจ ไม่มีเจตนา ขายสินค้าแต่อย่างได
การรีวิวนี้เพียงเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการซื้อเท่านั้น

หน้าตากล่องสินค้าที่ผมจะ นำมารีวิวรุ่นนี้ ยี่ห้อ sharp wh--245M  ขนาด 4500W
สินค้าตัวนี้ ผมไม่ได้ซื้อมาเพื่อทำการรีวิวนะครับ แต่ผมมีโอกาสสัมผัส เลยจับมารีวิว ครับ


ข้างในกล่อง มี ตัวเครื่อง และอุปกรณ์ดังรูป




ตัวเครื่องทำน้ำอุ่น ด้านหน้า สวยงาม ดูมีระดับ มีฉลากประหยัดไฟเบอร์5 ทำให้รู้สึกถึงการประหยัดค่าไฟฟ้าครับ

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย หัวฝักบัวปรับสายน้ำได้3ระดับ สายฝักบัว วาวล์น้ำ ขาแขวนฝักบัว คู่มือ และสุดท้าย น๊อด พุ๊ก

ด้านข้างเครื่องทำน้ำอุ่น บอกถึง ยี่ห้อ sharp รุ่น wh-245M ขนาด 4500 W.ได้รับมาตรฐาน ป้องกันฝุ่นและน้ำ IP 25 สบายใจได้เรื่องการป้องกันตัวเครื่องภายในจากน้ำและฝุ่น ได้สูงถึง ระดับIP25

การรับประกันสินค้า 1ปี และหม้อต้มรวมถึงขดลวดความร้อน5ปี

พลาสติกที่ใช้เป็นพลาสติก PSปลอดภัยไม่เป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้

ได้รับมาตรฐานประหยัดไฟ เบอร์ 5 ค่าไฟฟ้า 2123บาท/ปี 5.32KW/hr กำลังไฟฟ้ายืนยันได้ 4529.15 
W. ตามที่โฆษณา ไว้
ไดอะแกรม แสดงอุปกรณ์ วงจร ภายใน เครื่อง

ภายใน จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย สายไฟมีสีแตกต่างกันในแต่ละเส้น บ่งบอกถึงมาตรฐาร สายไฟทนความร้อนได้ 105 องศา

อุปกรณ์ ตัดการทำงานเรื่องน้ำ หากน้ำไม่เข้าเครื่อง จะตัดการทำงานทันที ใช้ได้กับน้ำเบา ถึง น้ำแรง 

หม้อต้มทองแดง มีการ QC ตรวจเรียบร้อย ขนาด 4500Wขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่

แท่งขดลวดทำความร้อนสีดำวัสดุ อินโคลอย800(ทองแดงผสมเงิน)ทนการกัดกล่อนได้ดี
ข้างๆมีตัวตัดไฟจากอุณหภูมิ ตัดอุณหภูมิทันทีถ้าหม้อต้มมีความร้อนเกิน 85 องศา ตรงกลางจะมีปุ่มยกเลิกการตัดไฟ

มีตัวกรองน้ำ (สีดำ)จะอยู่ตรงทางน้ำเข้า ก่อนถึงตัวตัดไฟจากน้ำ ง่ายต่อการทำความสะอาดสวยงาม

ตัวตัดไฟ จากไฟฟ้าดูด ไฟรั่ว ไฟช๊อต ขนาด30A ตัดไฟ ที่15mA ของ KYOKUTO


สรุป
รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ เนื่องจากมีมาตรฐานต่างๆ ทั้งประหยัดไฟเบอร์5  การป้องกัยฝุ่นและน้ำ IP25  ได้รับมาตรฐาร มอก. กำลังไฟโฆษณาใว้  4500 wเตรวจสอบแล้ว มี 4529 W เหมาะกับพื้นที่หนาวเย็นหรือน้ำเย็นเป็นพิเศษ เช่น ภาค เหนือ ภาคอีสาน รุ่นนี้ใช้ได้กับน้ำที่ไหลไม่แรงบ้านที่มีปัญหาเรื่องน้ำมาไม่สมำ่เสมอ เครื่องก็ยังทำงานได้ ฝักบัวปรับสายน้ำได้3ระดับจะพุ่งจะกระจาย ได้หมด
ระบบตัดไฟ ทั้งตัดไฟหากน้ำไม่เข้าเครื่องหรือปิดวาวล์น้ำ เครื่องก็จะตัดไฟ 
ระบบตัดไฟหาก เครื่องหรือหม้อต้มมีความร้อนสูงถึง85 องศา
ระบบตัดไฟจาก ไฟฟ้า ถ้าไฟรั่ว ไฟช๊อต ไฟดูด เครื่องจะตัดไฟอัตโนมะติ
สินค้ารับประกัน 5 ปี

ข้อด้อย
รุ่นนี้ไม่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ อัตโนมัติ ย้ำว่าอัตโนมัตินะครับ มีแต่ระบบควบคุมอุ๕หภูมิแบบธรรมดา คือแบบมือหมุน ส่งผลให้ถ้าหากน้ำมาไม่สมำ่เสมอ จะทำให้อุณหภูมิ เปลั่ยนแปลงขณะใช้งาน
หม้อไฟที่เหมาะสมในการใช้งานคือ หม้อไฟ 10A. ขึ้นไปครับ

ความเห็นข้างต้น หากมี ข้อผิดพลาด ผมขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้และพร้อมที่จะแก้ใขให้ถูกต้อง
ผมไม่มีเจตนา ขายของ ในนี้ หรือโจมตีให้ใครหรือผู้ไดเสื่อมเสีย การที่ผมรีวิว รุ่นนี้เป็นความบังเอินที่ผมได้มีโอกาส แกะและถ่ายรูป

หากผมมีโอกาสจะรีวิว รุ่นอื่นๆให้ได้ชม นะครับ
ข้อความทั้งหมด เป็นผลงานของผมแต่เพียงผู้เดียวรวมไปถึงรูปถ่ายด้วย การจะนำเสนอส่วนหนึ่งส่วนไดในนี้ออกสู่สาธารณะ กรุณา ให้เครดิตผมด้วยนะครับ





วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

D.I.Y. ซ่อม สายชาร์จไอโฟนเปื่อย เทคนิคขั้นเทพ งบ 10 บาท สุดยอด 5 ดาว

คนที่ใช้ไอโฟน คงประสบปัญหา สายชาร์จไอโฟน เปื่อย 
ยุคนี้ อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เรามาซ่อมกันเถอะ 
รับรอง ลงทุน 10 บาท กับผลงานที่ไม่อายใคร ภูมิใจมากมาย

วัสดุ และอุปกรณ์ 

เทปพันเกลียวท่อ 1ม้วน และ กรรไกร 1 ชิ้น

 เทปพันเกลียวท่อ (ใครไม่รู้จักลองหาGoogle นะครับเป็นวัสดุที่เอาใว้พันเกลียวท่อประปากันรั่ว ครับ ไม่มีคราบกาว ยืดหยุ่นสูง ทน สุดๆ )ตามรูป  1 ม้วน ราคาไม่เกิน 10 บาท

วิธีการ
ก็เพียงนำ เทปพันเกลียวท่อ มาพันบริเวณส่วนที่เปื่อยของ 
สายชาร์จไอโฟน ให้มีความหนาแน่น เพิ่มขึ้น ไม่อ่อนไม่หลวม เกินไป 
ใช้เทปพันเกลียวท่อ เกือบ 1 เมตร
พอได้ที่ก็ตัดเทปและเอาปลายที่เหลือพันต่อจนหมด เอามือบีบๆให้แน่น
 แค่เนียะ เสร็จ ใช้เวลา 3 นาทีเท่านั้น
เพียงเท่านี้ สายชาร์จไอโฟน ของคุณก็จะกลับมามีชีวิต เหมือนใหม่
ใช้งานไม่อายใคร สวยงามกว่าใช้กาวร้อนและเทปพันสายไฟ 
และที่สำคัญ ทนทาน นานจนลืม


                                         รูป สายชาร์จไอโฟน ของผม ครับ


ถามว่าทำไมผมเลือกเทปพันเกลียวท่อ มาเป็นวัสดุซ่อมสายชาร์จไอโฟน

ตอบว่า  มันมีคุณสมบัติที่เหมาะมากกับงานนี้ เช่น 

1. สีขาว ,
2. ยืดหยุ่นและเหนียวในขณะทำการซ่อมแซม ,

3. ทนต่อสารทำละลาย และแรงเสียดทานได้ดี
4. แนบสนิท กับทุกพื้นผิว 
5. ยึดเกาะ ได้แน่นหนาไม่ลื่น ไม่เปื่อย
6. ราคาถูก หาซื้อง่าย
7. ปลอดภัย ใช้ง่าย 
8. ที่เหลือในม้วนก็เก็บใว้ซ่อมประปาท่อน้ำได้อีก คุ้ม ฝุดๆ

จากการทดลองใช้งานจริง ผมไม่รู้สึกอายที่จะนำไปใช้ให้เพื่อนเห็น เพราะไม่น่าเกลียดเลย
เห็นเพื่อนใช้กาวร้อนซ่อม กับใช้เทปพันสายไฟมาซ่อม ผมบอกได้เลยว่า ของผมสวยกว่ามาก ครับ
เพื่อนที่ใช้กาวร้อนซ่อม ไม่ถึงเดือน ต้องซ่อมอีก มันหลุดเพราะมันไม่ค่อยติด
เพื่อนที่ใช้เทปพันสายไฟ ใช้ไปเดือนกว่าๆกาวเยิ้ม ติดมือ เนื้อกาวไม่ค่อยติด ต้อง ซ่อมอีกแล้ว
 สำหรับผม ทดลองใช้งาน 6 เดือน ไม่มีปัญหาใดๆ 

ขอขอบคุณ รูปภาพประกอบทุกรูปด้วยนะครับ
เครดิตรูปภาพประกอบ
http://www.thaimarketplus.com/111051.html

ลองหา รุปที่เค้าซ่อม สายชาร์จไอโฟน ใน google เปรียบกับของผมได้เลย ครับ 
อยากให้ไปทดลอง ซ่อมสายชาร์จไอโฟน และบอกต่อด้วยนะครับ 
ใครมีคำถาม ถามได้นะครับ 

สุดท้ายนี้ กรุณา ให้เครดิตผมด้วยหรือ ช่วยแชร์ จะ ขอบคุณ มากครับ

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

แอร์ ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แอร์ฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์


บทความนี้ผมเขียนเอง นานแล้วครับ วันนี้ได้เอามา ให้ทุกท่านได้อ่านกัน ครับ
หากไม่อยากอ่านมาก ก็อ่าน เฉพาะ ตัวหนา นะครับ
ต้องออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาขายของ หรือมีเจตนาใส่ร้ายยี่ห้อหรือบริษัทใดๆเลย หากเห็นว่าข้อความของผมไม่เหมาะสม ผมต้องขอโทษด้วยครับ และกรุณา ลบกระทู้นีทิ้งได้เลยครับ ขอบคุณมากๆ เจตนาของผม ก็คือ อยากให้เพื่อนๆ ได้แอร์ดีๆ ไม่แพง และเชื่อถือได้ ครับ

เริ่มเลยนะครับ

จากหัวข้อที่ผมตั้งคือ ขอแนะนำแอร์ที่คุณภาพ ดีที่สุด สำหรับคุณ จะเห็นว่า ไม่ได้พูดถึงยี่ห้อที่ดีที่สุดนะครับ เพราะ ยี่ห้อ นั้นมัน ไม่มี อะไร เลยครับแต่เรากำลังหลงไปกับมันครับ หรือซือ้ไปเพราะยี่ห้อโดยเราไม่ได้ดูเลยว่าแอร์ยี่ห้อนั้น รุ่นอะไร ต่างกันอย่างไร เพียงแต่ว่า ขอให้ เป็นยี่ห้อที่เราชอบนั้น ก็พอ จะเห็นว่า เหมือนโกหกตัวเองนะครับ แอร์ แต่ละยี่ห้อ จะมีจุดขายนะครับ เนื่องจากผมเป็นพนักงานขายแอร์ เลยรู้จุด ขายของแอร์ดี

ผมจะอธิบายถึงจุดขายของแอร์ ยี่ห้อ ชาร์ป(sharp ) ผมจึงไม่ขอพูดถึงจุดขายของยี่ห้ออื่นๆนะครับ เพราะรอผู้รู้ท่านอื่น บ้าง ครับ

จุดขายของแอร์ ชาร์ป คือ เน้นสุขภาพ ของผู้ใช้แอร์ ให้แอร์เป็นได้มากกว่าการทำความเย็น ด้วย ระบบ ชาร์ป พลาสม่าคลัสเตอร์( plasmacluster )
คำถามคือ พลาสม่าคลัสเตอร์ คืออะไร หากต้องการ ละเอียดแนะนำหาจาก กูเกิ้น (Google)ครับ
มันคือระบบฟอกอากาศ ครับโดยหลักการคือ(เอาง่ายๆนะครับ ที่ชาวบ้านเข้าใจนะครับต้องขอโทษนักวิชาการนะครับมันอาจไม่ถูกต้องนักแต่ใกล้เคียงเข้าใจง่าย) การปล่อย ประจุไฟฟ้า + และ - มากับ ลมที่พ่นออกจากแอร์ครับ ในปริมาณมหาศาล ครับ นั้นแหละครับ สุดยอดเลย
ผลที่จะเกิดขึ้น ก็คือ
1. เชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ที่มากับอากาศ จะถูกไฟฟ้า กำจัดครับ แล้วกำจัดเชื้ออะไรได้หล่ะ ได้เกือบทั้งหมดครับเท่าที่มีการค้นพบ ขอบอกครับสุดยอดครับ ทำให้ป้องกันการติดต่อของโรคร้ายๆเช่น ใข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ / วัณโรค / ใข้หวัด / โปลิโอ / ไข้หวัดนก / พูดง่ายๆโรคที่ติดต่อทางอากาศ กำจัดได้ เกือบทั้งหมด

2. ไรฝุ่น ที่ฝุ้งมากับอากาศ ไม่ว่าขนาดเล็กแค่ไหน ก็จะมี ประจุไฟฟ้า + และ - ไปจัดการ

3. สุขภาพแข็งแรง จะเห็นได้จากห้องนอนที่ท่านนอน 8 ชั่วโมงหรือ 1ใน 3 ของชีวิต สะอาดมีฝุ่นและเชื้อโรคน้อย สุขภาพก็ดีครับ

4. แอร์ก็ทนทานมากขึ้น เสียงก็เงียบ เนื่องจากแอร์สะอาด เครื่องทำงาน ปกติ ไม่ทำงานหนักเนื่องจากแอร์อุดตัน ขาดการบำรุงรักษา


5. สิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่าย ครับ ประหยัดได้เยอะครับ
ค่าล้างแอร์
ค่าไฟฟ้า
ค่าหมอรักษาโรค
ค่าซ่อมบำรุง


6.ครอบครัวมีความสุข ทั้งกาย และ ใจ เพราะ สุขภาพแข็งแรง มีเงินทองใช้ สบาย


สุดท้ายนี้ จากความเห็นของผมเอง แอร์ที่ดี 50% อยุ่ที่ รุ่น ของแอร์ ว่ามีคุณสมบัติ อะไร อีก50% อยู่ที่การติดตั้งแอร์ ต้องได้มาตรฐาน ถูกต้อง และช่างต้องเก่ง ครับ เพราะ ปัญหาที่เจอ ส่วนมาก เกิดจากการติดตั้ง

ผมมีคำถามครับ สำหรับท่านที่ซื้อแอร์ โดยดูจากยี่ห้อ ผมถามว่าแอร์ยี่ห้อ ที่ท่านชอบ มีตั้งหลายรุ่น ดังนั้นยี่ห้อที่ท่านชอบ รุ่นที่แพงกว่าย่อมดีกว่ารุ่นที่ถูกกว่า เสมอ
ถามกลับกัน หากสินค้า ที่ราคา เท่ากัน แต่ต่างยี่ห้อ คุณจะตัดสินจาก ยี่ห้อหรือ คุณสมบัติ ของ มันครับ ผมอยากแนะนำให้ท่านตัดสินด้วย อวัยวะที่ชื่อว่า สมอง ครับ ไม่ใช่ ตัดสิน จาก อวัยวะที่ชื่อ ว่า หัวใจ

ขอขอบคุณ ข้อมูลทั้งหมด อ้างอิงจาก

http://www.thaicity.co.th/innovation/plasma33_con.htm

http://www.sharpthai.co.th/spaw2/uploads/files/รายงานผลวิจัยเชื้อโรค%20final.pdf

http://www.sharpthai.co.th/spaw2/uploads/files/PCI%20research%20,Khon%20Kaen%20university.pdf

http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=128447.0

http://www.sharpthai.co.th/spaw2/uploads/files/infectious%20sym%20news-tnn24.wmv
ข่าวออกTV กดลิ้ง แล้วรอครับ



ขอบคุณครับ
หากจะติดต่อผม ติดต่อ wit_bee@hotmail.com ระบุ หัวข้อ เรื่องให้ชัดเจนด้วยนะครับเพราะเมลล์ขยะเยอะครับ

ท้ายสุด หากใครเห็นว่า แอร์ยี่ห้อ อื่นดีกว่า ผมก็ไม่เถียงครับ เพราะ ผมยอมรับความเห็นของ ทุกคนครับ ถ้าจะให้ดี กรุณา ระบุข้อมุลที่หน้าเชื่อถือ ที่สุดมาด้วยนะครับ ว่า ดียังไง เพื่อนคนอื่นๆจะได้รับรู้ข้อมุลเพื่อใช้ในการตัดสินใจในการซื้อแอร์ครับ

ผมไม่อยากได้อะไรครับ ขอ เพียง หากเพื่อนๆชอบก็ กรุณา ตอบขอบคุณ สักคำเป็นกำลังใจครับ ค่าไฟมันแพง ครับ

วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตู้เย็น 1ประตู กับ 2 ประตู ต่างกันอย่างไร

ตู้เย็น 1 ประตู เปรียบเทียบ กับ 2 ประตู
1. ขนาดของตู้เย็น
ตู้เย็น 1 ประตูมีความจุที่น้อยกว่าตู้เย็น 2 ประตู ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอยู่ที่ความต้องการขนาดของตู้เย็น ประกอบด้วย เช่น จำนวนสมาชิก ปริมาณอาหาร ในตุ้เย็น เป็นต้นหากต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่เพื่อใส่อาหารเยอะๆหรือ จำนวนสมาชิตในครอบครัวมีเยอะก็ต้องเลือกแบบ2 ประตุ นั้นเอง
2. ราคา
ตู้เย็น แบบ 2 ประตู มีราคาที่สูงกว่า เนื่องจากขนาด ของตุ้เย็นที่มากกว่า และมีระบบ ภายในมากกว่า ส่งผลให้ราคา แพงกว่านั้นเอง
3. น้ำหนัก
ตู้เย็น แบบ 2 ประตู มีน้ำหนักที่สูงกว่า เนื่องจากขนาด ของตุ้เย็นที่มากกว่า และมีระบบ ภายในมากกว่า ส่งผลให้น้ำหนักมากกว่านั้นเอง ไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย สถานที่

4.ความเย็น
ตู้เย็นแบบ2 ประตู มีความเย็นที่ดีกว่า กระจายความเย็นได้ดีกว่า ความเย็นทั่วทั้งตู้เย็นสม่ำเสมอ
ทำให้อาหารในตู้เย็นไม่เสียง่าย

5. ช่องแช่แข็ง
ตู้เย็นแบบ 2 ประตู ดีกว่า เนื่องจากไม่มีน้ำแข็งมาคอยเกาะ ให้คอยกดละลายน้ำแข็ง ,ไม่ต้องคอยเอาน้ำที่ได้จากการละลายน้ำแข็งไปทิ้งให้เสียเวลา,แช่แข็งได้เร็วกว่า ,ของในช่องแช่แข็ง เช่น ไอติม น้ำแข็งก้อนก็ไม่ละลาย เนื่องจากความเย็น ในช่องแช่แข็งดีกว่า

6. ตู้เย็น 2 ประตูมีการสูญเสีย ความเย็นที่น้อยกว่า เนื่องจากหากต้องการเพียงแค่น้ำแข็งก็เปิดเฉพาะ ช่องแช่แข็งเท่านั้น ความสูญเสียความเย็นจึงน้อยกว่า ตู้เย็น 1 ประตู

7. ตุ้เย็น 2 ประตู จะมีพัดลมกระจายความเย็น ช่วยทำให้ความเย็น สม่ำเสมอ ทั่วถึงดีกว่า แบบ 1 ประตู

8. ตุ้เย็น 2 ประตู จะมีความทนทานโดยเฉลี่ย ทนทานมากกว่า 1 ประตู เนื่องจากคอมเพลสเซอร์ ทำงานน้อยกว่า


หากถามผม ผมคงแนะนำให้ใช้ตู้เย็น แบบ 2 ประตู ครับ ตู้เย็น แบบ 1 ประตู จะเป็นตู้เย็นแบบธรรมดา ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน เท่านั้น หาก ท่านได้ทดลองใช้งาน ระหว่าง 1 ประตูกับ 2 ประตู ผมกล้าบอกได้เลยว่า ท่านจะไม่กลับไปใช้ 1 ประตู แน่นอน ครับ

มีคนถามบ่อยว่า อันไหน ค่าไฟ สูงกว่า
ผมขอตอบว่า 2 ประตูครับค่าไฟฟ้าสูงกว่า ก็เพราะ ตู้เย็นประตูเดียวมันตอบสนองความต้องการพื้นฐานเท่านั้น ไม่มีระบบอะไรพิเศษเพิ่มเติม ค่าไฟฟ้าจึงถูกกว่า แต่หากถามว่า มากกว่าเท่าไหร่ ก็ต้องดูค่าไฟฟ้าที่แสดงที่ฉลากเบอร์ 5 ของแต่ละรุ่นเปรียบเทียบกันครับ

มีคำถามต่อมาอีกว่า ตู้เย็น 2 ประตูทำไมมันถึงแพงกว่า
ก็คงตอบว่า ก็เพราะมันมีระบบต่างๆนานาที่ทำให้ตุ้เย็น2ประตูมีประสิทธิภาพสูงขึ้นตอบสนองความต้องการการใช้งานที่หลากหลาย  ราคาก็แพงเป็นธรรมดา

คนส่วนมากมักอ้างว่าตู้เย็น 2 ประตูกินไฟเยอะกว่า ไม่ต้องซื้อ ให้ไปซื้อแบบ 1 ประตูดีกว่า
มันก็ต้องดูว่า คุณต้องการประหยัดไฟมากกว่า แต่ ตอบสนองความต้องการพื้นฐานก็ซื้อ 1ประตูไปใช้งาน
สำหรับผม ผมเบื่อกับการที่ต้องกดละลายน้ำแข็ง เอาน้ำไปทิ้ง เก็บน้ำแข็งในช่องแช่แข็งละลาย  อาหารติดช่องแช่แข็ง  ไอติมละลาย ของเสียง่าย เย็นช้า เย็นไม่ทั่วถึงทุกจุด ความจุน้อย ครับเลยใช้ 2 ประตู ตอนซื้อเข้าบ้านมาใหม่ๆ แฟนบ่นกลัวเสียค่าไฟเยอะ (เคยได้ยินว่ามันเปลืองไฟ พูดต่อๆกันมาปากต่อปากเหมือนเรื่องผี) ปัจจุบัน ใช้กันตั้งแต่บ้านพ่อ บ้านแฟน บ้านเพื่อน โอ้ยเยอะ ก่อนที่จะบอกว่าตู้เย็น 2 ประตูไม่ดี เคยลองใช้หรือยังครับ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น

26/9/56 อัพเดต ครับ สำคัญมาก 
ปัจจุบันเครื่องทำน้ำอุ่นได้มีมาตรฐานเรื่อง ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นอีกจุดที่ก่อนซื้อ เพื่อนๆควรสอบถามหรือสังเกตุมองดูฉลากประหยัดไฟ เบอร์5 ให้ดี ถ้าเครื่องทำน้ำอุ่น รุ่นนั้น ผ่านมาตรฐาน จะได้ ฉลากประหยัดไฟ เบอร์ 5  มาติด ให้ทุกท่านได้เห็นเด่นชัด ท่านจะมั่นใจถึงการประหยัดไฟ และ สิ่งที่ ต้อง สังเกตุอีกอย่าง ของฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือให้ทุกท่านอ่านดูกำลังไฟจริงๆ ของรุ่นนั้นว่าเต็มกำลังวัตต์ ตามที่ได้โฆษณา ใวั หรือเปล่า เราดูข้อมูลวัตต์จริงๆของรุ่นนั้นๆได้จากตัว ฉลากประหยัดไฟ เบอร์5 จะมีพิมพ์บอกใว้บริเวณ ฉลากด้านล่างซ้าย จากทึ่ผม สังเกตุ มีหลายรุ่นมากที่ไม่ผ่านมาตรฐานประหยัดไฟ หรือบางรุ่น ผ่านมาตรฐาน แต่กำลังไฟไม่เต็มวัตต์ตามที่ได้โฆษณาใว้ (โฆษณาใว้ 3500 วัตต์ แต่ฉลากประหยัดไฟทดสอบแล้วได้เพียง 3362 วัตต์) ทำให้ประหยัดไฟจริงๆ แต่น้ำที่ได้ไม่อุ่น ร้อนน้อย ร้อนช้า เพราะโดนโกง กำลังวัตต์ ไม่เต็ม (เหมือนแอร์ไม่เต็มBTU) นั้นเอง

อีก 1 เรื่องที่จะอัพเดจ ก็คือ  ค่าป้องกันน้ำ งงหล่ะสิ เอาเป็นว่า ง่ายๆคือ เครื่องทำน้ำอุ่นจะมี มาตรฐารการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในตัว เครื่อง เพื่อความปลอดภัยและความทนทาน มาตรฐารที่ว่า ก็คือ มาตรฐาน IP นั้นเอง  มาตรฐาน IP จะมีตัวเลขต่อท้ายอีก2ตัว  ตัวแรก คือค่าการป้องกันฝุ่นและของแข็ง ตัวที่ 2 คือค่าการป้องกันน้ำ โดย เครื่องทำน้ำอุ่นเกือบทุกตัวจะมีค่ามาตรฐานIP ที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าได้รับมาตรฐารที่เท่าไหร่ โดย ที่พบเจอ กับเครื่องทำน้ำอุ่น ค่าต่ำสุดคือIPx1 เจอกับยี่ห้อโต_ _  ฯลฯ หมายถึง การป้องกันฝุ่นและของแข็งระดับ0 และน้ำระดับ1 เท่านั้น  และสูงสุดที่พบเจอก็คือ ระดับ IP25 ป้องกันฝุ่นและของแข็งระดับ2ป้องกันน้ำระดับ 5 ปลอดภัยปกป้องฝุ่นและน้ำได้ดีกว่ามาก จะ เจอกับpa__ และsha_  เอาเป็นว่า มาตรฐาน IPจะช่วย บ่งบอกถึง การป้องกันน้ำและของแข็งที่จะเข้าเครื่อง ถ้าตัวเลขข้างหลังIPมีค่ามากก็จะปลอดภัยมากนั้นเอง น้ำไม่เข้าเครื่อง ไฟก็ไม่รั่วไม่ช๊อต ปลอดภัย สอบถามพนักงานขายให้ดีนะครับ หรือสังเกตุเองก็ได้ง่ายๆ จะมีบอกใว้ข้างๆเป็นสติ๊กเกอร์ ติดตรง หน้ากากสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น

อ้างอิงจาก http://www.enertric.com/download/enertric_com/IP_Standard.pdf  


(วิธีเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น / เครื่องทำน้ำอุ่นยี่ห้ออะไรดี /เครื่องทำน้ำอุ่นหม้อพลาสติกกับทองแดงอย่างไหนดีกว่ากัน / )

วิธีการ เลือก เครื่องทำน้ำอุ่น ที่เน้น ความปลอดภัย และ ทนทาน


เขียนเมื่อ 22กันยายน 2554

สวัดดีครับ อันดับแรก ผม ต้อง พูดออกตัวก่อนว่า ผม ไำม่ได้ จบ มาสูง เท่าคนอื่นๆเขา ผมเรียนสายช่าง อาชีพ พนักงานขาย ตามห้าง ทั่วไป เลี้ยงปากท้อง ไม่มีเจตนา
ใส่ร้าย หรือโจมตี ให้ผู้ใด เสียหาย

ข้อความที่กำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็น ความเห็นส่วนตัว
ของผม เท่านั้น โปรดใช้ สติ ในการ บริโภค


มาเริ่มกันเลยนะครับ

หลักการเลือกเครื่องทำน้ำอุ่น นั้น อันดับแรก เราต้องมาดู บ้านที่จะติดเครื่องทำน้ำอุ่น ติดมิเตอร์ไฟ ไปกี่แอมป์ ใครนึกภาพ มิเตอร์ ไม่ออก ไปดูตาม ลิ้งค์ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=all4u&month=10-2007&date=18&group=2&gblog=1
1

มิเตอร์ ไฟฟ้าตรงเสา ไฟฟ้า จะระบุ ขนาดใว้ เช่น 3(9)A, 5(15)A,10(30)A, 15(45)A,20(40)A, 30(60)A
หมายความว่า ถ้ามิเตอร์ไฟ เขียนใว้ว่า 5(15)A หมายถึง ทนกระแสไฟได้ 5 แอมป์ใช้ไฟฟ้าได้ทั้งวัน แต่จะทนได้สูงสุด 15แอมป์ แต่ จะทนได้ไม่นาน(ผมไม่แน่ใจในส่วนของระยะเวลา อาจจะแค่ 1 ชั่วโมงมันเป็นค่าความปลอดภัยที่เครื่องใช้ไฟฟ้า มันจะกระชากทำให้ กระแสไฟฟ้ามันเกิน)มาต่อเรื่องของเราครับ พอเราทราบค่าของมิเตอร์ไฟแล้วนะครับ ผมก็จะบอกเลยละกันครับ ว่า มิเตอร์ไฟฟ้า ของบ้านคุณ ใช้ได้กับเครื่องทำน้ำอุ่น กี่ วัตต์ ครับ


มิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 5(15) จะใช้ได้ กับเครื่องทำน้ำอุ่น 3500W ครับห้ามเกินนี้ครับ

มิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 15(45) จะใช้ได้ กับเครื่องทำน้ำอุ่น 4500W หรือ 6000W ครับ


เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมใช่ไหมครับ
คำตอบคือ P / V = A ยกตัวอย่าง P=3500 W และ V=220 V. ดังนั้น A=15.9 A นั้นเอง ดังนั้น เครื่องทำน้ำอุ่น
3500W จะใช้ได้กับมิเตอร์ไฟ 5(15) ครับแต่ระยะเวลาในการใช้ ต้องไม่นาน ครับถึงจะปลอดภัยไม่ควรเกิน ครึ่งชั่วโมงถ้าจะให้ดี ก็เปลี่ยนหม้อไฟเป็น 15(45) จะปลอดภัยที่สุด แต่ติดตรงที่ ไปเปลี่ยนมิเตอร์ไฟ เป็นขนาด15(45) มันต้องเสียเงิน จำนวน4450 บาท ครับให้กับการไฟฟ้า แพงยิ่งกว่า ค่าเครื่องทำน้ำอุ่น ซะอีก หลายคนคิดในใจว่า ถ้า หม้อ 5(15) A จะใช้ 4500W จะเป็นอะไรไหม ผมบอกเลยครับไม่ปลอดภัย เพราะ มิเตอร์ไฟ ไม่รองรับ มันจะร้อนและ มันจะไหม้ สรุปก็คือ ถ้าจะ ใช้ 4500W ต้องเปลี่ยน มิเตอร์ไฟ เป็นขนาด 15(45)A

เรื่องมิเตอร์ไฟ มันพุดแล้วยาว เอาพอประมาณก่อนนะครับ ว่าจะใช้3500 หรือ 4500W
ถ้าไม่ใช่ภาคเหนือ หรืออีสานตอนบน ก็ใช้ 3500W ก็พอครับ

เรื่อง ยี่ห้อ เครื่องทำน้ำอุ่น


มันพูดกัน ยาก ครับแม้แต่ยี่ห้อดังๆ ยังมีออกมาเป็น10รุ่น แต่ละรุ่น มันก็ต่างกัน ยิ่งแพงยิ่งดีเอาเป็นว่า เรื่องยี่ห้อเอายี่ห้อที่คุ้นหู เคยใช้เคยเห็น เพราะจะได้มั่นใจในบริการหลังการขายและมาตรฐานการผลิต ที่ได้คุณภาพ แต่ถ้าจะแนะนำก็ เครื่องทำน้ำอุ่น SHARP(ชาร์ป)หรือ panasonicก็ดีครับ ทนดี หน้าเชื่อถือไม่แพง

มาดูภายในเครื่องทำน้ำอุ่นดีกว่าครับ

จากประสบการณ์ ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า พอจะสรุปได้ว่า ข้างใน เครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ว่า ยี่ห้ออะไรถ้าราคาใกล้เคียงกัน มันจะมีหลักการทำงานและความปลอดภัย คล้ายกัน แต่ มันก็ต้องต่างกัน อยู่ดี อย่างไหน หน้าใช้หล่ะ มาดูกัน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

หม้อต้ม

เครื่องทำน้ำอุ่นแบ่ง หม้อต้มได้ 3ชนิด
1. หม้อต้ม ทองแดง
2. หม้อต้ม พลาสติกมักมีชื่อแปลกๆแทนคำว่าพลาสติก เช่น
กิลล่อนเป็นต้น





3. หม้อต้ม แบบขดลวดทองแดง





จากประสบการณ์ ขายและประสบการณ์ ช่าง ขอบอกว่า แบบที่ดีที่สุดคือ
อันดับ 1 หม้อต้มทองแดง ทนทาน ร้อนดี ปลอดภัย

ข้อดี ทนทานจากความร้อน จากแรงดันน้ำ อายุการใช้งานนาน ไม่รั่ว ไม่แตก อุณหภูมิ หลอมละลายสูงกว่าพลาสติกพนักงานขายมักอ้างถึงหินปูนที่ทำให้หม้อต้มชนิดนี้พังง่าย แต่ผมว่า หม้อต้มทองแดงไม่ค่อยเจอปัญหาหินปูนสักเท่าไหร่ดูจากรูปมันไม่ตันครับแต่เพียงมันจะร้อนช้าซึ่งปัญหานี้ก็เจอกับหม้อต้มพลาสติกเหมือนกันปัญหามันอยู่ที่น้ำครับว่ามีหินปูนมากแค่ไหย
หม้อพลาสติก พนักงานขายอ้างว่าถอดล้างได้ แต่ หากเจอปัญหานี้เข้าแนะนำเปลี่ยนเครื่องใหม่ดีกว่าครับคุ้มค่าเงินแล้วครับ
ปลอดภัยกว่า


อันดับ 2 แบบขดลวด ทองแดง
ครับ แต่แบบนี้มีข้อเสีย ตรงมันชอบเสีย จากหินปูนมันอุดตันง่ายพังเร็วบ้านที่มีหินปูนมากๆ ควร ใช้แบบหม้อต้มทองแดง ข้อดี มันร้อนเร็วแต่อุณหภูมิไม่คงที่

อันดับ 3 แบบหม้อต้มพลาสติก
เพราะมันมักจะเจอกับ ยี่ห้อที่ไม่ใช่ยี่ห้อตลาด ราคาพันกว่าบาท 


ราคาถูก ข้อเสีย คือแตก ละลาย รั่ว ไหม้อายุสั้นเนื่องจากพลาสติกมันไม่ค่อยทน สาเหตุที่ นิยมนำมาใช้เพราะ ต้นทุนที่ต่ำ แต่ พนักงานขายนิยมขาย เนื่องจากราคาถูกขายง่าย ได้ ค่าตอบแทนที่สูง สูงมากๆ มักยกข้อดีมาพูด บ้างก็อ้างรับประกัน 10 ปี แต่ไม่มีศูนย์บริการ ในพื้นที่ ก็ไม่มีประโยชน์ โดยไม่พูดถึงข้อเสีย บ้างก็อ้างว่าไม่ใช่พลาสติดธรรมดาแต่เป็นวัสดุที่ใช้ทำยานอวกาศ พนักงานขายมักอ้างว่า มันถอดล้างหินปูนได้ง่ายกว่าแบบหม้อต้มทองแดง แต่ความเป็นจริง ไม่มีช่างคนไหนทำกันครับ เพราะไม่ปลอดภัย เพราะถ้าถอดออกมาทำความสะอาด จะทำให้น้ำรั่ว หรือไฟรั่ว
ดูดได้ ทางที่ดีพอถึงขั้นนั้นก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ดีกว่าครับอย่าเสี่ยงเลย
จากรูป ปัญหาที่เจอคือ มันไหม้ ครับเพราะพลาสติกมันทนความร้อนไม่ได้ สาเหตุอาจเพราะระบบความปลอดภัย ไม่ทำงาน

ข้อเสียอีกอย่างของหม้อพลาสติกคือปัญหาการรั่วซึมตามจุดต่อต่างๆของน้ำ เนื่องจากการหมดอายุของยางกันรั่ว

แต่หม้อพลาสติกแบบดีๆ ก็มีให้เห็นบ้าง ทำให้หม้อต้มแบบพลาสติกต้องเลือกซื้อแบบระมัดระวังเป็นพิเศษ

เรื่องหม้อต้มพอแค่นี้ก่อนนะครับ สรุปเอาหม้อต้มแบบทองแดงครับ ดีสุด ทนสุด ปลอดภัยสุดๆ

-----------------------------------------------------------------------------

ตัวตัดไฟอัตโนมัติมี 2 ชนิด

1 .แบบ ELCB หรือ ELB
เป็นตัว ตัดไฟที่นิยมใช้กัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเจอกับสินค้า ที่ตลาดนิยม เช่นSHARP / PANASONIC ยี่ห้อ ที่มาจากยี่ปุ่น นิยมใช้กัน
ข้อดี ทนทาน ปลอดภัย ทำงานแน่นอน ไม่อู้งาน อะไหล่หาง่ายไม่แพง
ข้อเสีย ตัดอัตโนมัติแต่ไม่ต่ออัตโนมัติ เวลาตัดไฟจะมีเสียงดังทำให้ตกใจ เวลาเครื่องตัดไฟ ผู้ใช้งานจะรับรู้ได้และรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย (ประมาณว่าเครื่องเป็นอะไรถึงตัดไฟ)
 ผมแนะนำแบบนี้
แหละครับ ใช้ง่ายปลอดภัยดี หน้าตาจะเป็นตัวสี่เหลี่ยม สีดำ คนที่ไม่รู้จักแนะนำเข้าไปหาข้อมูลตามนี้เลยครับhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kanichikoong&month=10-12-2008&group=17&gblog=3

2. แบบ ESD เป็นตัวตัดไฟ แบบใหม่ ใช้ วงจร อิเล็คทรอนิค ตัดไฟ ข้อดี เห็นบอกว่าตัดไฟได้เร็วกว่า ตัดและต่ออัตโนมัติ ทำให้เราไม่รู้ตัวเลยว่าเครื่องกำลังมีปัญหาไฟรั่วไฟดููดและ ตัดไฟ แม้ ไฟรั่วเพียงนิดหน่อย ถ้าถามผม ผมขอไม่ใช้ ระบบตัดไฟแบบนี้ เพราะว่า ผมเห็นมันเสียบ่อยมาก เสียทีเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ทำงาน รวมไปถึงระบบตัดไฟไม่ทำงานด้วย ถ้าเสียมาทีไม่มีอะไหล่ ขายตามท้องตลาด ไม่มีความหน้าเชื่อถือ  อายุสั้นเนื่องจากเป็นอิเล็คทรอนิค ไม่ทนความร้อนจากอุณหภูมิหม้อต้ม และหน้าตามันไม่หน้าใช้ครับ สังเกตุได้ครับถ้า มันมีแผงวลจรอิเลคทรอนิค มากๆและไม่มีตัวหน้าตาเหมือนรูป ข้างบนก็เป็นแบบอิเลคทรอนค

เอาเป็นว่า เอารูปมาให้ดูนะครับสังเกตุ

ให้ดีนะครับรูปซ้ายใช้ ELCB ขวา ใช้แบบ ESD



เลือกเอานะครับว่าชอบแบบไหน ก็เลือกแบบนั้น ตัดไฟเหมือนกันครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อแตกต่างเรื่องน้ำ


เครื่องทำน้ำอุ่น จะมี ข้อแตกต่างเรื่องน้ำ คือ

1.แบบใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ  (preessure switch)ใช้หลักการแรงดันของน้ำควบคุมการทำงาน
(Flow Switch หรือ reed switch)
preessure switch



2. แบบใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ(Flow Switch หรือ reed switch) ใช้การไหลของน้ำ และแม่เหล็กควบคุมการทำงาน



แบบที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ (Flow Switch หรือ reed switch) จะดีกว่า เพราะเพียงแค่น้ำไหลผ่านเครื่อง เครื่องก็พร้อมจะทำงาน

บางบ้านน้ำไม่แรง เครื่องที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ(preessure switch)ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ไม่มีความร้อนเกิดขึ้น

เรื่องความปลอดภับแบบใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ (Flow Switch หรือ reed switch)  จะปลอดภัยกว่าเพราะหากน้ำไม่ไหลเข้าเครื่องหรือไหลน้อยมาก เครื่องจะตัดการทำงาน ตรงกันข้ามกับแบบใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ (preessure switch) หากมีแรงดันตกค้างในระบบ เครื่องก็ยังคงทำงาน ความปลอดภัยจึงต่ำกว่า


เวลาซื้อก็ถามคนขายเลยนะครับ ว่า ใช้กับน้ำเบาๆได้หรือไม่ ต้องการแบบที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ เท่านั้น

แนะนำให้ใช้แบบ ที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำfloe switch ครับ 


------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ 

เทอร์โมสตัต (Thermostat)


มี 2 แบบ คือ

1. แบบ ตัดและต่ออัตโนมัติ
2. แบบ ตัดอัตโนมัติ แต่ ต้องมากดปุ่มยกเลิก (Reset) การตัดไฟเอง ไม่อัตโนมัติ

แบบที่สดวก ง่ายต่อการใช้งาน  คือ แบบตัดและต่อ อัตโนมัติ เพราะง่ายและสดวกต่อการใช้งาน
ตัดและต่ออัตโนมัติไม่มีปัญหาต่อการใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาเรียกช่างให้ตรวจสอบแก้ใข

แบบที่ปลอดภัยสูงสุด   คือแบบ ตัดไฟอัตโนมัติ แต่ ต้องมากดปุ่มยกเลิก การตัดไฟเอง ไม่ต่ออัตโนมัติ
เนื่องจากการตัดไฟเพราะความร้อนผิดปกติ ควรจะต้องให้ช่างมาตรวจสอบปัญหา จะปลอดภัยกว่า


เทอร์โมสตัต (Thermostat) แบบ ตัดและต่อ อัตโนมัติ



เทอร์

โมสตัต (Thermostat) แบบตัดอัตโนมัติ กดปุ่ม สีแดงเพื่อยกเลิกการตัดไฟ


--------------------------------------------------------------------

ระบบ ควบคุมอุณหภูมิ (control) มี 2 แบบ

1. แบบเก่า(ควบคุมอุณหภูมิตามใจเราแต่อุณหภูมิไม่คงที่)
2.แบบใหม่(ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติให้อุณหภูมิคงที่ตามที่เราได้ตั้งค่าใว้ มักเจอในรุ่นอิเลคทรอนิค แพงๆ)

หลายๆยี่ห้อมักอ้างว่าเครื่องทำน้ำอุ่นของตนมีระบบควบคุมอุณหภูมิ( คอนโทรล )(control) แต่รู้หรือไม่ ระบบคอนโทรลที่ว่า มี 2แบบ

แบบแรกคือแบบเก่า เป็นระบบควบคุมด้วยมือ กำหนดกำลังไฟที่จะจ่ายให้ขดลวดทำความร้อน ว่าจะเอาร้อนมากร้อนน้อย มันก็จะจ่ายไฟ ตามที่เราบิดปรับระดับความร้อนไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่ได้ว่าจะคงที่หรือไม่
 ข้อดี  คือ ถูก 
ข้อเสีย คือ น้ำมีความร้อนที่ไม่คงที่ บางครั้งเย็น บางครั้งร้อนไม่คงที่ สังเกตุง่ายๆ เวลาเราใช้งานถ้าปิดน้ำฟอกสบู่และพอเปิดน้ำอีกทีจะต้องเอาน้ำทิ้งไปสักพักอาบไม่ได้มันร้อนเกินไป เคยเจอกันหรือเปล่า

แบบที่2
แบบใหม่  ( ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติให้อุณหภูมิคงที่ตามที่เราได้ปรับตั้งความร้อนใว้ มักเจอในรุ่นอิเลคทรอนิค แพงๆ) 
แบบนี้คล้ายแบบแรก แต่จะมีตัวรับรู้อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ติดตั้งบน หม้อต้ม เครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อคอยตรวจสอบอุณหภูมิ ที่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราได้ตั้งความร้อนในตอนแรกหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง ระบบจะควบคุมอุณหภูมิให้ความร้อนคงที่ไม่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง  แบบนี้ เวลาเราปิดน้ำฟอกสบู่ พอเปิดอีกที ระบบจะควบคุมความร้อนอัตโนมัติ ให้เพื่อความปลอดภัย ยิ่งขึ้น

คำถามแล้วจะรู้ได้ไงว่า ระบบควบคุมอุณหภูมิ (control) ในเครื่องเป็นแบบไหน ง่ายมากต้องสังเกตุ ตามรูป 
1. คือ อุปกรณ์ ตรวจจับอุณหภูมิ ถ้ามีตัวนี้จะสามารถควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติได้
2. ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ  เทอร์โมสตัต (Thermostat) 



จาก รูป ข้างบน 
 วงกลม ที่ 1 ซ้ายมือ  คือ ถ้าเห็นอุปกรณ์ดังรูป แสดงว่าเป็นแบบใหม่สามารถควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ  มักเจอกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ราคาแพงๆ ระบบ อิเลคทรอนิค
วงกลมรูปที่2 คือตัว ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ เทอร์โมสตัต (Thermostat)อย่าสับสน นะครับ

โดยส่วนมากจะติดตั้งด้านบนของหม้อต้ม สังเกตุได้ง่าย

จากรูปข้างล่าง จะเห็นว่า ไม่มีตัวควบคุมอุณหภูมิ อัตโนมัติที่พูดมา จะมีก็แต่ ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ  เทอร์โมสตัต (Thermostat) ดังนั้น จึงเป็น ระบบ ควบคุมอุณหภูมิ (control) แบบเก่า มักเจอในราคาถูกๆ

ถ้าพนักงานขายพยายามนำเสนอเรื่องระบบควบคุมอุณหภูมิคงที่อัตโนมัติส่วนมากจะใช้ทับศัพท์ ว่า        "คอนโทรน"  โดยชี้แค่อักษรภาษาอังกฤษ บริเวณหน้ากากเครื่องทำน้ำอุ่น ก็คงเป็นแบบแรกครับ แบบธรรมดา
-------------------------------------------------------------------------------------

เตรียมตัวให้ดีนะครับ  อย่าให้เซลล์ ขายเครื่องทำน้ำอุ่นหลอกได้นะครับ
พวกนี้เค้าเชี่ยวชาญ เป็นพิเศษ เค้าไม่ได้หลอกคุณ นะครับ เพียงแต่เค้านำเสนอเพียงข้อดี ไม่นำเสนอให้ทุกด้านทำให้เราเข้าใจผิด

เอาใจ ช่วยนะครับ สวัสดีครับ



สุดท้ายนี้ ผมขอยกเครดิต ในส่วนของรูปภาพ ที่ผมเอามาประกอบ บทความ นี้ ให้กับเจ้าของรูป ตัวจริงทุกท่าน นะครับ ต้องกราบขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถ บอกได้ว่าผมได้นำรูปภาพเหล่านี้จากที่ไหนมา (ผมลืมไปแล้วครับ ขอโทษจริงๆ)

หากผมได้ทำให้รูปของท่านเสื่อมเสีย กรุณาแจ้งผม นะครับ ยินดีแก้ไขให้ครับ

ใครเอาไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิต ผลงาน ของผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มาล้าง เครื่องซักผ้าฝาบน กันเถอะ ครับ

ผ้าจะสะอาดได้อย่างไร ถ้าเครื่องซักผ้ายังสกปรก
หากเครื่องซักผ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน หรือไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง จะส่งผลให้เสื้อผ้าที่นำมาซักเกิดหมอง ไม่สะอาดอย่างที่ควรเป็นและมีเชื้อโรคหมักหมม มีกลิ่นเหม็นอับ รวมไปถึงเครื่องซักผ้าจะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อ แบคทีเรีย เป็นแหล่งที่มาของโรคผิวหนังนานาชนิดเพื่อ สุขภาพ ความสะอาด สุขอนามัย และ กำจัดกลิ่นเหม็นอับ เรามาล้างทำความสะอาด แผ่นฟิลเตอร์ / ตะแกรงกรองผง / จานซัก / ถังซัก กันเถอะ ครับ เรามาดูภาพประกอบ และร่วม แสดงความเห็นกันครับ

อันนี้ จานซัก ครับ

อันนี้ถังซักครับ ผมสงสัยว่ามันคือเชื้อราหรือ คราบอะไร





อันนี้ ถังเก็บน้ำ ครับ ถังซักจะอยู่ในนี้อีกทีครับ หยี๋ สกปรก



โห สิ่งสกปรกใน ถังเก็บน้ำ สงสัยอีกแล้ว ว่า เจ้าสิ่งนี้ กับ ใข้หวัด 2009 อันไหนหน้ากลัวกว่ากันส่วนวิธีทำความสะอาดนั้นปัจจุบันมีหลายวิธี

ใช้น้ำส้มสายชู1ขวดแทนผมซักฟอกตั้งโปรแกรมซักอย่างเดียวไม่ต้องใส่ผ้าจบขั้นตอนแช่ใว้1คืนแล้วตั้งโปรแกรมล้างน้ำ วิธีนี้ ใช้ล้างเครื่องซักผ้าเดือนละครั้ง ตั้งแต่ ซื้อมา
หากต้องการ ความสะอาดมากกว่า วิธีที่ 1 ต้องใช้ผงล้างเครื่องซักผ้าซึ่งมีขายตามห้างสรรพสินค้า(หายาก)แทนน้ำส้มสายชู

วิธีที่ดีที่สุดคือให้ช่างมาถอดชิ้นส่วน เพื่อ ทำความสะอาด ครับ สะอาดแน่ๆ เหมาะสำหรับเครื่องที่ไม่เคยได้ดูแลรักษาเลย หรือ คนที่ต้องการ ทำความสะอาด คราบฝังแน่น ที่วิธีที่ 1และ 2 ทำความสะอาดไม่ออก