26/9/56 อัพเดต ครับ สำคัญมาก
ปัจจุบันเครื่องทำน้ำอุ่นได้มีมาตรฐานเรื่อง ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นอีกจุดที่ก่อนซื้อ เพื่อนๆควรสอบถามหรือสังเกตุมองดูฉลากประหยัดไฟ เบอร์5 ให้ดี ถ้าเครื่องทำน้ำอุ่น รุ่นนั้น ผ่านมาตรฐาน จะได้ ฉลากประหยัดไฟ เบอร์ 5 มาติด ให้ทุกท่านได้เห็นเด่นชัด ท่านจะมั่นใจถึงการประหยัดไฟ และ สิ่งที่ ต้อง สังเกตุอีกอย่าง ของฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือให้ทุกท่านอ่านดูกำลังไฟจริงๆ ของรุ่นนั้นว่าเต็มกำลังวัตต์ ตามที่ได้โฆษณา ใวั หรือเปล่า เราดูข้อมูลวัตต์จริงๆของรุ่นนั้นๆได้จากตัว ฉลากประหยัดไฟ เบอร์5 จะมีพิมพ์บอกใว้บริเวณ ฉลากด้านล่างซ้าย จากทึ่ผม สังเกตุ มีหลายรุ่นมากที่ไม่ผ่านมาตรฐานประหยัดไฟ หรือบางรุ่น ผ่านมาตรฐาน แต่กำลังไฟไม่เต็มวัตต์ตามที่ได้โฆษณาใว้ (โฆษณาใว้ 3500 วัตต์ แต่ฉลากประหยัดไฟทดสอบแล้วได้เพียง 3362 วัตต์) ทำให้ประหยัดไฟจริงๆ แต่น้ำที่ได้ไม่อุ่น ร้อนน้อย ร้อนช้า เพราะโดนโกง กำลังวัตต์ ไม่เต็ม (เหมือนแอร์ไม่เต็มBTU) นั้นเอง
อีก 1 เรื่องที่จะอัพเดจ ก็คือ ค่าป้องกันน้ำ งงหล่ะสิ เอาเป็นว่า ง่ายๆคือ เครื่องทำน้ำอุ่นจะมี มาตรฐารการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในตัว เครื่อง เพื่อความปลอดภัยและความทนทาน มาตรฐารที่ว่า ก็คือ มาตรฐาน IP นั้นเอง มาตรฐาน IP จะมีตัวเลขต่อท้ายอีก2ตัว ตัวแรก คือค่าการป้องกันฝุ่นและของแข็ง ตัวที่ 2 คือค่าการป้องกันน้ำ โดย เครื่องทำน้ำอุ่นเกือบทุกตัวจะมีค่ามาตรฐานIP ที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าได้รับมาตรฐารที่เท่าไหร่ โดย ที่พบเจอ กับเครื่องทำน้ำอุ่น ค่าต่ำสุดคือIPx1 เจอกับยี่ห้อโต_ _ ฯลฯ หมายถึง การป้องกันฝุ่นและของแข็งระดับ0 และน้ำระดับ1 เท่านั้น และสูงสุดที่พบเจอก็คือ ระดับ IP25 ป้องกันฝุ่นและของแข็งระดับ2ป้องกันน้ำระดับ 5 ปลอดภัยปกป้องฝุ่นและน้ำได้ดีกว่ามาก จะ เจอกับpa__ และsha_ เอาเป็นว่า มาตรฐาน IPจะช่วย บ่งบอกถึง การป้องกันน้ำและของแข็งที่จะเข้าเครื่อง ถ้าตัวเลขข้างหลังIPมีค่ามากก็จะปลอดภัยมากนั้นเอง น้ำไม่เข้าเครื่อง ไฟก็ไม่รั่วไม่ช๊อต ปลอดภัย สอบถามพนักงานขายให้ดีนะครับ หรือสังเกตุเองก็ได้ง่ายๆ จะมีบอกใว้ข้างๆเป็นสติ๊กเกอร์ ติดตรง หน้ากากสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น
อ้างอิงจาก http://www.enertric.com/download/enertric_com/IP_Standard.pdf
ปัจจุบันเครื่องทำน้ำอุ่นได้มีมาตรฐานเรื่อง ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นอีกจุดที่ก่อนซื้อ เพื่อนๆควรสอบถามหรือสังเกตุมองดูฉลากประหยัดไฟ เบอร์5 ให้ดี ถ้าเครื่องทำน้ำอุ่น รุ่นนั้น ผ่านมาตรฐาน จะได้ ฉลากประหยัดไฟ เบอร์ 5 มาติด ให้ทุกท่านได้เห็นเด่นชัด ท่านจะมั่นใจถึงการประหยัดไฟ และ สิ่งที่ ต้อง สังเกตุอีกอย่าง ของฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือให้ทุกท่านอ่านดูกำลังไฟจริงๆ ของรุ่นนั้นว่าเต็มกำลังวัตต์ ตามที่ได้โฆษณา ใวั หรือเปล่า เราดูข้อมูลวัตต์จริงๆของรุ่นนั้นๆได้จากตัว ฉลากประหยัดไฟ เบอร์5 จะมีพิมพ์บอกใว้บริเวณ ฉลากด้านล่างซ้าย จากทึ่ผม สังเกตุ มีหลายรุ่นมากที่ไม่ผ่านมาตรฐานประหยัดไฟ หรือบางรุ่น ผ่านมาตรฐาน แต่กำลังไฟไม่เต็มวัตต์ตามที่ได้โฆษณาใว้ (โฆษณาใว้ 3500 วัตต์ แต่ฉลากประหยัดไฟทดสอบแล้วได้เพียง 3362 วัตต์) ทำให้ประหยัดไฟจริงๆ แต่น้ำที่ได้ไม่อุ่น ร้อนน้อย ร้อนช้า เพราะโดนโกง กำลังวัตต์ ไม่เต็ม (เหมือนแอร์ไม่เต็มBTU) นั้นเอง
อีก 1 เรื่องที่จะอัพเดจ ก็คือ ค่าป้องกันน้ำ งงหล่ะสิ เอาเป็นว่า ง่ายๆคือ เครื่องทำน้ำอุ่นจะมี มาตรฐารการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในตัว เครื่อง เพื่อความปลอดภัยและความทนทาน มาตรฐารที่ว่า ก็คือ มาตรฐาน IP นั้นเอง มาตรฐาน IP จะมีตัวเลขต่อท้ายอีก2ตัว ตัวแรก คือค่าการป้องกันฝุ่นและของแข็ง ตัวที่ 2 คือค่าการป้องกันน้ำ โดย เครื่องทำน้ำอุ่นเกือบทุกตัวจะมีค่ามาตรฐานIP ที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าได้รับมาตรฐารที่เท่าไหร่ โดย ที่พบเจอ กับเครื่องทำน้ำอุ่น ค่าต่ำสุดคือIPx1 เจอกับยี่ห้อโต_ _ ฯลฯ หมายถึง การป้องกันฝุ่นและของแข็งระดับ0 และน้ำระดับ1 เท่านั้น และสูงสุดที่พบเจอก็คือ ระดับ IP25 ป้องกันฝุ่นและของแข็งระดับ2ป้องกันน้ำระดับ 5 ปลอดภัยปกป้องฝุ่นและน้ำได้ดีกว่ามาก จะ เจอกับpa__ และsha_ เอาเป็นว่า มาตรฐาน IPจะช่วย บ่งบอกถึง การป้องกันน้ำและของแข็งที่จะเข้าเครื่อง ถ้าตัวเลขข้างหลังIPมีค่ามากก็จะปลอดภัยมากนั้นเอง น้ำไม่เข้าเครื่อง ไฟก็ไม่รั่วไม่ช๊อต ปลอดภัย สอบถามพนักงานขายให้ดีนะครับ หรือสังเกตุเองก็ได้ง่ายๆ จะมีบอกใว้ข้างๆเป็นสติ๊กเกอร์ ติดตรง หน้ากากสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น
อ้างอิงจาก http://www.enertric.com/download/enertric_com/IP_Standard.pdf
(วิธีเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น / เครื่องทำน้ำอุ่นยี่ห้ออะไรดี /เครื่องทำน้ำอุ่นหม้อพลาสติกกับทองแดงอย่างไหนดีกว่ากัน / )
เขียนเมื่อ 22กันยายน 2554
สวัดดีครับ อันดับแรก ผม ต้อง พูดออกตัวก่อนว่า ผม ไำม่ได้ จบ มาสูง เท่าคนอื่นๆเขา ผมเรียนสายช่าง อาชีพ พนักงานขาย ตามห้าง ทั่วไป เลี้ยงปากท้อง ไม่มีเจตนาใส่ร้าย หรือโจมตี ให้ผู้ใด เสียหาย
ข้อความที่กำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็น ความเห็นส่วนตัว ของผม เท่านั้น โปรดใช้ สติ ในการ บริโภค
มาเริ่มกันเลยนะครับ
หลักการเลือกเครื่องทำน้ำอุ่น นั้น อันดับแรก เราต้องมาดู บ้านที่จะติดเครื่องทำน้ำอุ่น ติดมิเตอร์ไฟ ไปกี่แอมป์ ใครนึกภาพ มิเตอร์ ไม่ออก ไปดูตาม ลิ้งค์ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=all4u&month=10-2007&date=18&group=2&gblog=1
1
มิเตอร์ ไฟฟ้าตรงเสา ไฟฟ้า จะระบุ ขนาดใว้ เช่น 3(9)A, 5(15)A,10(30)A, 15(45)A,20(40)A, 30(60)A
หมายความว่า ถ้ามิเตอร์ไฟ เขียนใว้ว่า 5(15)A หมายถึง ทนกระแสไฟได้ 5 แอมป์ใช้ไฟฟ้าได้ทั้งวัน แต่จะทนได้สูงสุด 15แอมป์ แต่ จะทนได้ไม่นาน(ผมไม่แน่ใจในส่วนของระยะเวลา อาจจะแค่ 1 ชั่วโมงมันเป็นค่าความปลอดภัยที่เครื่องใช้ไฟฟ้า มันจะกระชากทำให้ กระแสไฟฟ้ามันเกิน)มาต่อเรื่องของเราครับ พอเราทราบค่าของมิเตอร์ไฟแล้วนะครับ ผมก็จะบอกเลยละกันครับ ว่า มิเตอร์ไฟฟ้า ของบ้านคุณ ใช้ได้กับเครื่องทำน้ำอุ่น กี่ วัตต์ ครับ
มิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 5(15) จะใช้ได้ กับเครื่องทำน้ำอุ่น 3500W ครับห้ามเกินนี้ครับ
มิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 15(45) จะใช้ได้ กับเครื่องทำน้ำอุ่น 4500W หรือ 6000W ครับ
เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมใช่ไหมครับ
คำตอบคือ P / V = A ยกตัวอย่าง P=3500 W และ V=220 V. ดังนั้น A=15.9 A นั้นเอง ดังนั้น เครื่องทำน้ำอุ่น
3500W จะใช้ได้กับมิเตอร์ไฟ 5(15) ครับแต่ระยะเวลาในการใช้ ต้องไม่นาน ครับถึงจะปลอดภัยไม่ควรเกิน ครึ่งชั่วโมงถ้าจะให้ดี ก็เปลี่ยนหม้อไฟเป็น 15(45) จะปลอดภัยที่สุด แต่ติดตรงที่ ไปเปลี่ยนมิเตอร์ไฟ เป็นขนาด15(45) มันต้องเสียเงิน จำนวน4450 บาท ครับให้กับการไฟฟ้า แพงยิ่งกว่า ค่าเครื่องทำน้ำอุ่น ซะอีก หลายคนคิดในใจว่า ถ้า หม้อ 5(15) A จะใช้ 4500W จะเป็นอะไรไหม ผมบอกเลยครับไม่ปลอดภัย เพราะ มิเตอร์ไฟ ไม่รองรับ มันจะร้อนและ มันจะไหม้ สรุปก็คือ ถ้าจะ ใช้ 4500W ต้องเปลี่ยน มิเตอร์ไฟ เป็นขนาด 15(45)A
เรื่องมิเตอร์ไฟ มันพุดแล้วยาว เอาพอประมาณก่อนนะครับ ว่าจะใช้3500 หรือ 4500W
ถ้าไม่ใช่ภาคเหนือ หรืออีสานตอนบน ก็ใช้ 3500W ก็พอครับ
เรื่อง ยี่ห้อ เครื่องทำน้ำอุ่น
มันพูดกัน ยาก ครับแม้แต่ยี่ห้อดังๆ ยังมีออกมาเป็น10รุ่น แต่ละรุ่น มันก็ต่างกัน ยิ่งแพงยิ่งดีเอาเป็นว่า เรื่องยี่ห้อเอายี่ห้อที่คุ้นหู เคยใช้เคยเห็น เพราะจะได้มั่นใจในบริการหลังการขายและมาตรฐานการผลิต ที่ได้คุณภาพ แต่ถ้าจะแนะนำก็ เครื่องทำน้ำอุ่น SHARP(ชาร์ป)หรือ panasonicก็ดีครับ ทนดี หน้าเชื่อถือไม่แพง
มาดูภายในเครื่องทำน้ำอุ่นดีกว่าครับ
จากประสบการณ์ ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า พอจะสรุปได้ว่า ข้างใน เครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ว่า ยี่ห้ออะไรถ้าราคาใกล้เคียงกัน มันจะมีหลักการทำงานและความปลอดภัย คล้ายกัน แต่ มันก็ต้องต่างกัน อยู่ดี อย่างไหน หน้าใช้หล่ะ มาดูกัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
หม้อต้ม
เครื่องทำน้ำอุ่นแบ่ง หม้อต้มได้ 3ชนิด
1. หม้อต้ม ทองแดง
2. หม้อต้ม พลาสติกมักมีชื่อแปลกๆแทนคำว่าพลาสติก เช่น
กิลล่อนเป็นต้น
3. หม้อต้ม แบบขดลวดทองแดง
จากประสบการณ์ ขายและประสบการณ์ ช่าง ขอบอกว่า แบบที่ดีที่สุดคือ
อันดับ 1 หม้อต้มทองแดง ทนทาน ร้อนดี ปลอดภัย
หม้อพลาสติก พนักงานขายอ้างว่าถอดล้างได้ แต่ หากเจอปัญหานี้เข้าแนะนำเปลี่ยนเครื่องใหม่ดีกว่าครับคุ้มค่าเงินแล้วครับ
ปลอดภัยกว่า
อันดับ 2 แบบขดลวด ทองแดง
ครับ แต่แบบนี้มีข้อเสีย ตรงมันชอบเสีย จากหินปูนมันอุดตันง่ายพังเร็วบ้านที่มีหินปูนมากๆ ควร ใช้แบบหม้อต้มทองแดง ข้อดี มันร้อนเร็วแต่อุณหภูมิไม่คงที่
อันดับ 3 แบบหม้อต้มพลาสติก
เพราะมันมักจะเจอกับ ยี่ห้อที่ไม่ใช่ยี่ห้อตลาด ราคาพันกว่าบาท
ราคาถูก ข้อเสีย คือแตก ละลาย รั่ว ไหม้อายุสั้นเนื่องจากพลาสติกมันไม่ค่อยทน สาเหตุที่ นิยมนำมาใช้เพราะ ต้นทุนที่ต่ำ แต่ พนักงานขายนิยมขาย เนื่องจากราคาถูกขายง่าย ได้ ค่าตอบแทนที่สูง สูงมากๆ มักยกข้อดีมาพูด บ้างก็อ้างรับประกัน 10 ปี แต่ไม่มีศูนย์บริการ ในพื้นที่ ก็ไม่มีประโยชน์ โดยไม่พูดถึงข้อเสีย บ้างก็อ้างว่าไม่ใช่พลาสติดธรรมดาแต่เป็นวัสดุที่ใช้ทำยานอวกาศ พนักงานขายมักอ้างว่า มันถอดล้างหินปูนได้ง่ายกว่าแบบหม้อต้มทองแดง แต่ความเป็นจริง ไม่มีช่างคนไหนทำกันครับ เพราะไม่ปลอดภัย เพราะถ้าถอดออกมาทำความสะอาด จะทำให้น้ำรั่ว หรือไฟรั่ว
ดูดได้ ทางที่ดีพอถึงขั้นนั้นก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ดีกว่าครับอย่าเสี่ยงเลย
จากรูป ปัญหาที่เจอคือ มันไหม้ ครับเพราะพลาสติกมันทนความร้อนไม่ได้ สาเหตุอาจเพราะระบบความปลอดภัย ไม่ทำงาน
ข้อเสียอีกอย่างของหม้อพลาสติกคือปัญหาการรั่วซึมตามจุดต่อต่างๆของน้ำ เนื่องจากการหมดอายุของยางกันรั่ว
แต่หม้อพลาสติกแบบดีๆ ก็มีให้เห็นบ้าง ทำให้หม้อต้มแบบพลาสติกต้องเลือกซื้อแบบระมัดระวังเป็นพิเศษ
ข้อเสียอีกอย่างของหม้อพลาสติกคือปัญหาการรั่วซึมตามจุดต่อต่างๆของน้ำ เนื่องจากการหมดอายุของยางกันรั่ว
แต่หม้อพลาสติกแบบดีๆ ก็มีให้เห็นบ้าง ทำให้หม้อต้มแบบพลาสติกต้องเลือกซื้อแบบระมัดระวังเป็นพิเศษ
เรื่องหม้อต้มพอแค่นี้ก่อนนะครับ สรุปเอาหม้อต้มแบบทองแดงครับ ดีสุด ทนสุด ปลอดภัยสุดๆ
-----------------------------------------------------------------------------
ตัวตัดไฟอัตโนมัติมี 2 ชนิด
1 .แบบ ELCB หรือ ELB เป็นตัว ตัดไฟที่นิยมใช้กัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเจอกับสินค้า ที่ตลาดนิยม เช่นSHARP / PANASONIC ยี่ห้อ ที่มาจากยี่ปุ่น นิยมใช้กัน
ข้อดี ทนทาน ปลอดภัย ทำงานแน่นอน ไม่อู้งาน อะไหล่หาง่ายไม่แพง
ข้อเสีย ตัดอัตโนมัติแต่ไม่ต่ออัตโนมัติ เวลาตัดไฟจะมีเสียงดังทำให้ตกใจ เวลาเครื่องตัดไฟ ผู้ใช้งานจะรับรู้ได้และรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย (ประมาณว่าเครื่องเป็นอะไรถึงตัดไฟ)
ผมแนะนำแบบนี้
ข้อเสีย ตัดอัตโนมัติแต่ไม่ต่ออัตโนมัติ เวลาตัดไฟจะมีเสียงดังทำให้ตกใจ เวลาเครื่องตัดไฟ ผู้ใช้งานจะรับรู้ได้และรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย (ประมาณว่าเครื่องเป็นอะไรถึงตัดไฟ)
ผมแนะนำแบบนี้
แหละครับ ใช้ง่ายปลอดภัยดี หน้าตาจะเป็นตัวสี่เหลี่ยม สีดำ คนที่ไม่รู้จักแนะนำเข้าไปหาข้อมูลตามนี้เลยครับhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kanichikoong&month=10-12-2008&group=17&gblog=3
2. แบบ ESD เป็นตัวตัดไฟ แบบใหม่ ใช้ วงจร อิเล็คทรอนิค ตัดไฟ ข้อดี เห็นบอกว่าตัดไฟได้เร็วกว่า ตัดและต่ออัตโนมัติ ทำให้เราไม่รู้ตัวเลยว่าเครื่องกำลังมีปัญหาไฟรั่วไฟดููดและ ตัดไฟ แม้ ไฟรั่วเพียงนิดหน่อย ถ้าถามผม ผมขอไม่ใช้ ระบบตัดไฟแบบนี้ เพราะว่า ผมเห็นมันเสียบ่อยมาก เสียทีเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ทำงาน รวมไปถึงระบบตัดไฟไม่ทำงานด้วย ถ้าเสียมาทีไม่มีอะไหล่ ขายตามท้องตลาด ไม่มีความหน้าเชื่อถือ อายุสั้นเนื่องจากเป็นอิเล็คทรอนิค ไม่ทนความร้อนจากอุณหภูมิหม้อต้ม และหน้าตามันไม่หน้าใช้ครับ สังเกตุได้ครับถ้า มันมีแผงวลจรอิเลคทรอนิค มากๆและไม่มีตัวหน้าตาเหมือนรูป ข้างบนก็เป็นแบบอิเลคทรอนค
เอาเป็นว่า เอารูปมาให้ดูนะครับสังเกตุ
ให้ดีนะครับรูปซ้ายใช้ ELCB ขวา ใช้แบบ ESD
เลือกเอานะครับว่าชอบแบบไหน ก็เลือกแบบนั้น ตัดไฟเหมือนกันครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อแตกต่างเรื่องน้ำ
เครื่องทำน้ำอุ่น จะมี ข้อแตกต่างเรื่องน้ำ คือ
1.แบบใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ (preessure switch)ใช้หลักการแรงดันของน้ำควบคุมการทำงาน
2. แบบใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ(Flow Switch หรือ reed switch) ใช้การไหลของน้ำ และแม่เหล็กควบคุมการทำงาน
แบบที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ (Flow Switch หรือ reed switch) จะดีกว่า เพราะเพียงแค่น้ำไหลผ่านเครื่อง เครื่องก็พร้อมจะทำงาน
บางบ้านน้ำไม่แรง เครื่องที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ(preessure switch)ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ไม่มีความร้อนเกิดขึ้น
เรื่องความปลอดภับแบบใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ (Flow Switch หรือ reed switch) จะปลอดภัยกว่าเพราะหากน้ำไม่ไหลเข้าเครื่องหรือไหลน้อยมาก เครื่องจะตัดการทำงาน ตรงกันข้ามกับแบบใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ (preessure switch) หากมีแรงดันตกค้างในระบบ เครื่องก็ยังคงทำงาน ความปลอดภัยจึงต่ำกว่า
เวลาซื้อก็ถามคนขายเลยนะครับ ว่า ใช้กับน้ำเบาๆได้หรือไม่ ต้องการแบบที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ เท่านั้น
แนะนำให้ใช้แบบ ที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำfloe switch ครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ
มี 2 แบบ คือ
1. แบบ ตัดและต่ออัตโนมัติ
2. แบบ ตัดอัตโนมัติ แต่ ต้องมากดปุ่มยกเลิก (Reset) การตัดไฟเอง ไม่อัตโนมัติ
แบบที่สดวก ง่ายต่อการใช้งาน คือ แบบตัดและต่อ อัตโนมัติ เพราะง่ายและสดวกต่อการใช้งาน
ตัดและต่ออัตโนมัติไม่มีปัญหาต่อการใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาเรียกช่างให้ตรวจสอบแก้ใข
แบบที่ปลอดภัยสูงสุด คือแบบ ตัดไฟอัตโนมัติ แต่ ต้องมากดปุ่มยกเลิก การตัดไฟเอง ไม่ต่ออัตโนมัติ
เนื่องจากการตัดไฟเพราะความร้อนผิดปกติ ควรจะต้องให้ช่างมาตรวจสอบปัญหา จะปลอดภัยกว่า
--------------------------------------------------------------------
ระบบ ควบคุมอุณหภูมิ (control) มี 2 แบบ
1. แบบเก่า(ควบคุมอุณหภูมิตามใจเราแต่อุณหภูมิไม่คงที่)
2.แบบใหม่(ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติให้อุณหภูมิคงที่ตามที่เราได้ตั้งค่าใว้ มักเจอในรุ่นอิเลคทรอนิค แพงๆ)
หลายๆยี่ห้อมักอ้างว่าเครื่องทำน้ำอุ่นของตนมีระบบควบคุมอุณหภูมิ( คอนโทรล )(control) แต่รู้หรือไม่ ระบบคอนโทรลที่ว่า มี 2แบบ
แบบแรกคือแบบเก่า เป็นระบบควบคุมด้วยมือ กำหนดกำลังไฟที่จะจ่ายให้ขดลวดทำความร้อน ว่าจะเอาร้อนมากร้อนน้อย มันก็จะจ่ายไฟ ตามที่เราบิดปรับระดับความร้อนไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่ได้ว่าจะคงที่หรือไม่
ข้อดี คือ ถูก
ข้อเสีย คือ น้ำมีความร้อนที่ไม่คงที่ บางครั้งเย็น บางครั้งร้อนไม่คงที่ สังเกตุง่ายๆ เวลาเราใช้งานถ้าปิดน้ำฟอกสบู่และพอเปิดน้ำอีกทีจะต้องเอาน้ำทิ้งไปสักพักอาบไม่ได้มันร้อนเกินไป เคยเจอกันหรือเปล่า
แบบที่2
แบบใหม่ ( ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติให้อุณหภูมิคงที่ตามที่เราได้ปรับตั้งความร้อนใว้ มักเจอในรุ่นอิเลคทรอนิค แพงๆ)
แบบนี้คล้ายแบบแรก แต่จะมีตัวรับรู้อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ติดตั้งบน หม้อต้ม เครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อคอยตรวจสอบอุณหภูมิ ที่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราได้ตั้งความร้อนในตอนแรกหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง ระบบจะควบคุมอุณหภูมิให้ความร้อนคงที่ไม่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง แบบนี้ เวลาเราปิดน้ำฟอกสบู่ พอเปิดอีกที ระบบจะควบคุมความร้อนอัตโนมัติ ให้เพื่อความปลอดภัย ยิ่งขึ้น
คำถามแล้วจะรู้ได้ไงว่า ระบบควบคุมอุณหภูมิ (control) ในเครื่องเป็นแบบไหน ง่ายมากต้องสังเกตุ ตามรูป
จาก รูป ข้างบน
วงกลม ที่ 1 ซ้ายมือ คือ ถ้าเห็นอุปกรณ์ดังรูป แสดงว่าเป็นแบบใหม่สามารถควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ มักเจอกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ราคาแพงๆ ระบบ อิเลคทรอนิค
วงกลมรูปที่2 คือตัว ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ เทอร์โมสตัต (Thermostat)อย่าสับสน นะครับ
โดยส่วนมากจะติดตั้งด้านบนของหม้อต้ม สังเกตุได้ง่าย
จากรูปข้างล่าง จะเห็นว่า ไม่มีตัวควบคุมอุณหภูมิ อัตโนมัติที่พูดมา จะมีก็แต่ ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ เทอร์โมสตัต (Thermostat) ดังนั้น จึงเป็น ระบบ ควบคุมอุณหภูมิ (control) แบบเก่า มักเจอในราคาถูกๆ
เตรียมตัวให้ดีนะครับ อย่าให้เซลล์ ขายเครื่องทำน้ำอุ่นหลอกได้นะครับ
พวกนี้เค้าเชี่ยวชาญ เป็นพิเศษ เค้าไม่ได้หลอกคุณ นะครับ เพียงแต่เค้านำเสนอเพียงข้อดี ไม่นำเสนอให้ทุกด้านทำให้เราเข้าใจผิด
เอาใจ ช่วยนะครับ สวัสดีครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอยกเครดิต ในส่วนของรูปภาพ ที่ผมเอามาประกอบ บทความ นี้ ให้กับเจ้าของรูป ตัวจริงทุกท่าน นะครับ ต้องกราบขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถ บอกได้ว่าผมได้นำรูปภาพเหล่านี้จากที่ไหนมา (ผมลืมไปแล้วครับ ขอโทษจริงๆ)
หากผมได้ทำให้รูปของท่านเสื่อมเสีย กรุณาแจ้งผม นะครับ ยินดีแก้ไขให้ครับ
ใครเอาไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิต ผลงาน ของผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อแตกต่างเรื่องน้ำ
เครื่องทำน้ำอุ่น จะมี ข้อแตกต่างเรื่องน้ำ คือ
1.แบบใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ (preessure switch)ใช้หลักการแรงดันของน้ำควบคุมการทำงาน
(Flow Switch หรือ reed switch) |
preessure switch |
2. แบบใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ(Flow Switch หรือ reed switch) ใช้การไหลของน้ำ และแม่เหล็กควบคุมการทำงาน
แบบที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ (Flow Switch หรือ reed switch) จะดีกว่า เพราะเพียงแค่น้ำไหลผ่านเครื่อง เครื่องก็พร้อมจะทำงาน
บางบ้านน้ำไม่แรง เครื่องที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ(preessure switch)ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ไม่มีความร้อนเกิดขึ้น
เรื่องความปลอดภับแบบใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ (Flow Switch หรือ reed switch) จะปลอดภัยกว่าเพราะหากน้ำไม่ไหลเข้าเครื่องหรือไหลน้อยมาก เครื่องจะตัดการทำงาน ตรงกันข้ามกับแบบใช้ได้กับแรงดันน้ำปกติ (preessure switch) หากมีแรงดันตกค้างในระบบ เครื่องก็ยังคงทำงาน ความปลอดภัยจึงต่ำกว่า
เวลาซื้อก็ถามคนขายเลยนะครับ ว่า ใช้กับน้ำเบาๆได้หรือไม่ ต้องการแบบที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำ เท่านั้น
แนะนำให้ใช้แบบ ที่ใช้ได้กับแรงดันน้ำต่ำfloe switch ครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ
เทอร์โมสตัต (Thermostat)
มี 2 แบบ คือ
1. แบบ ตัดและต่ออัตโนมัติ
2. แบบ ตัดอัตโนมัติ แต่ ต้องมากดปุ่มยกเลิก (Reset) การตัดไฟเอง ไม่อัตโนมัติ
แบบที่สดวก ง่ายต่อการใช้งาน คือ แบบตัดและต่อ อัตโนมัติ เพราะง่ายและสดวกต่อการใช้งาน
ตัดและต่ออัตโนมัติไม่มีปัญหาต่อการใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาเรียกช่างให้ตรวจสอบแก้ใข
แบบที่ปลอดภัยสูงสุด คือแบบ ตัดไฟอัตโนมัติ แต่ ต้องมากดปุ่มยกเลิก การตัดไฟเอง ไม่ต่ออัตโนมัติ
เนื่องจากการตัดไฟเพราะความร้อนผิดปกติ ควรจะต้องให้ช่างมาตรวจสอบปัญหา จะปลอดภัยกว่า
เทอร์โมสตัต (Thermostat) แบบ ตัดและต่อ อัตโนมัติ |
เทอร์โมสตัต (Thermostat) แบบตัดอัตโนมัติ กดปุ่ม สีแดงเพื่อยกเลิกการตัดไฟ |
--------------------------------------------------------------------
ระบบ ควบคุมอุณหภูมิ (control) มี 2 แบบ
1. แบบเก่า(ควบคุมอุณหภูมิตามใจเราแต่อุณหภูมิไม่คงที่)
2.แบบใหม่(ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติให้อุณหภูมิคงที่ตามที่เราได้ตั้งค่าใว้ มักเจอในรุ่นอิเลคทรอนิค แพงๆ)
หลายๆยี่ห้อมักอ้างว่าเครื่องทำน้ำอุ่นของตนมีระบบควบคุมอุณหภูมิ( คอนโทรล )(control) แต่รู้หรือไม่ ระบบคอนโทรลที่ว่า มี 2แบบ
แบบแรกคือแบบเก่า เป็นระบบควบคุมด้วยมือ กำหนดกำลังไฟที่จะจ่ายให้ขดลวดทำความร้อน ว่าจะเอาร้อนมากร้อนน้อย มันก็จะจ่ายไฟ ตามที่เราบิดปรับระดับความร้อนไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่ได้ว่าจะคงที่หรือไม่
ข้อดี คือ ถูก
ข้อเสีย คือ น้ำมีความร้อนที่ไม่คงที่ บางครั้งเย็น บางครั้งร้อนไม่คงที่ สังเกตุง่ายๆ เวลาเราใช้งานถ้าปิดน้ำฟอกสบู่และพอเปิดน้ำอีกทีจะต้องเอาน้ำทิ้งไปสักพักอาบไม่ได้มันร้อนเกินไป เคยเจอกันหรือเปล่า
แบบที่2
แบบใหม่ ( ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติให้อุณหภูมิคงที่ตามที่เราได้ปรับตั้งความร้อนใว้ มักเจอในรุ่นอิเลคทรอนิค แพงๆ)
แบบนี้คล้ายแบบแรก แต่จะมีตัวรับรู้อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ติดตั้งบน หม้อต้ม เครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อคอยตรวจสอบอุณหภูมิ ที่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราได้ตั้งความร้อนในตอนแรกหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง ระบบจะควบคุมอุณหภูมิให้ความร้อนคงที่ไม่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง แบบนี้ เวลาเราปิดน้ำฟอกสบู่ พอเปิดอีกที ระบบจะควบคุมความร้อนอัตโนมัติ ให้เพื่อความปลอดภัย ยิ่งขึ้น
คำถามแล้วจะรู้ได้ไงว่า ระบบควบคุมอุณหภูมิ (control) ในเครื่องเป็นแบบไหน ง่ายมากต้องสังเกตุ ตามรูป
1. คือ อุปกรณ์ ตรวจจับอุณหภูมิ ถ้ามีตัวนี้จะสามารถควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติได้ 2. ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ เทอร์โมสตัต (Thermostat) |
จาก รูป ข้างบน
วงกลม ที่ 1 ซ้ายมือ คือ ถ้าเห็นอุปกรณ์ดังรูป แสดงว่าเป็นแบบใหม่สามารถควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ มักเจอกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ราคาแพงๆ ระบบ อิเลคทรอนิค
วงกลมรูปที่2 คือตัว ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ เทอร์โมสตัต (Thermostat)อย่าสับสน นะครับ
โดยส่วนมากจะติดตั้งด้านบนของหม้อต้ม สังเกตุได้ง่าย
จากรูปข้างล่าง จะเห็นว่า ไม่มีตัวควบคุมอุณหภูมิ อัตโนมัติที่พูดมา จะมีก็แต่ ตัวตัดไฟ เนื่องจาก อุณหภูมิ เทอร์โมสตัต (Thermostat) ดังนั้น จึงเป็น ระบบ ควบคุมอุณหภูมิ (control) แบบเก่า มักเจอในราคาถูกๆ
ถ้าพนักงานขายพยายามนำเสนอเรื่องระบบควบคุมอุณหภูมิคงที่อัตโนมัติส่วนมากจะใช้ทับศัพท์ ว่า "คอนโทรน" โดยชี้แค่อักษรภาษาอังกฤษ บริเวณหน้ากากเครื่องทำน้ำอุ่น ก็คงเป็นแบบแรกครับ แบบธรรมดา
-------------------------------------------------------------------------------------
เตรียมตัวให้ดีนะครับ อย่าให้เซลล์ ขายเครื่องทำน้ำอุ่นหลอกได้นะครับ
พวกนี้เค้าเชี่ยวชาญ เป็นพิเศษ เค้าไม่ได้หลอกคุณ นะครับ เพียงแต่เค้านำเสนอเพียงข้อดี ไม่นำเสนอให้ทุกด้านทำให้เราเข้าใจผิด
เอาใจ ช่วยนะครับ สวัสดีครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอยกเครดิต ในส่วนของรูปภาพ ที่ผมเอามาประกอบ บทความ นี้ ให้กับเจ้าของรูป ตัวจริงทุกท่าน นะครับ ต้องกราบขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถ บอกได้ว่าผมได้นำรูปภาพเหล่านี้จากที่ไหนมา (ผมลืมไปแล้วครับ ขอโทษจริงๆ)
หากผมได้ทำให้รูปของท่านเสื่อมเสีย กรุณาแจ้งผม นะครับ ยินดีแก้ไขให้ครับ
ใครเอาไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิต ผลงาน ของผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ